นโยบายประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
สำหรับลูกค้าและคู่สัญญา หรือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าและคู่สัญญา
บริษัท ดั๊ก กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บริษัท ดั๊ก กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ดั๊ก กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (“บริษัท”) มุ่งเน้นที่จะให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญาให้ดีที่สุดต่อลูกค้า หรือคู่สัญญา (“ท่าน”) ซึ่งไว้วางใจและเชื่อมั่นในการใช้บริการ/เข้าเป็นคู่สัญญากับบริษัท และในการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญา บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน ซึ่งบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม และแหล่งที่มาของข้อมูล
บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านเพื่อนำไปใช้สำหรับการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญา โดยบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลจากท่านโดยตรงหรือได้รับจากบุคคลที่สามซึ่งได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อันได้แก่
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุตัวตนลูกค้าผู้นั้นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ/นามสกุล เลขบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง วัน/เดือน/ปีเกิด รวมถึงข้อมูลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลด้านการเงิน ข้อมูลอาชญากรรม ข้อมูลประวัติการทำงาน เป็นต้น
1.2 ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ อีเมล์ (Email) หมายเลขโทรศัพท์
1.3 ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท เช่น เทปบันทึกกรณีที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาที่บริษัท ผ่านทางโทรศัพท์ หรือการเดินทางเข้ามาติดต่อกับบริษัทโดยตรงซึ่งอาจเป็นภาพหรือเสียง เป็นต้น และไม่ว่าท่านได้ให้ข้อมูลไว้หรือมีอยู่กับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ เช่น หน่วยงานราชการ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินกรณีบริษัทได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามสิทธิและ/หรือหน้าที่อย่างใดซึ่งเกี่ยวกับผู้หย่อนความสามารถ ท่านต้องจัดให้ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ เป็นต้น ให้ความยินยอมเพื่อให้บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หย่อนความสามารถนั้นด้วย หากไม่ได้รับความยินยอม บริษัทจะไม่ประมวลข้อมูลของบุคคลผู้หย่อนความสามารถดังกล่าว ซึ่งจะเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถให้บริการ หรือปฏิเสธที่จะให้บริการ เนื่องจากเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้หย่อนความสามารถที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ให้ความคุ้มครอง
ทั้งนี้ บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร และ/หรือ รูปภาพ และ/หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อประโยชน์ของท่านในการให้บริการ หรือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ/หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แก่บริษัท โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลของส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัท ท่านสามารถศึกษาจากรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 การปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท (Contract) เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาเป็นไปโดยครบถ้วนตรงตามวัตถุประสงค์ของสัญญา บริษัทจาเป็นที่จะต้องมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจากการรับ-ส่งเอกสาร การติดต่อสื่อสารกับท่าน ติดตามและแจ้งผลประโยชน์การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ตอบข้อซักถาม และแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และรวมตลอดถึงการบังคับตามสัญญาอันเป็นกรณีตามมาตรา 24(3) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
2.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎเกฑณ์ และระเบียบของทางการ บริษัทจะทำการประมวลผลข้อมูลเพื่อการตรวจสอบจากหน่วยงานทางการ และอาจจัดทำรายงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งหน่วยงานทางการ เช่น กระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมสรรพากร เป็นต้น หรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล อันเป็นกรณีตามมาตรา 24(6) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
2.3 การปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) เพื่อป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ อันเป็นกรณีตามมาตรา 24(5) ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
2.4 การให้ความยินยอม (Consent) เพื่อให้การเตรียมการก่อนข้าลงนามในสัญญาหรือ ข้อผูกพัน บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน เพื่อให้บริษัทสามารถตัดสินใจเข้าลงนามในสัญญาหรือข้อผูกพัน หรือสามารถคัดเลือกคู่สัญญาหรือผู้ให้บริการ ได้อย่างเหมาะสม อันเป็นกรณีตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก
บริษัทอาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ หรือตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามสัญญา หรือตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบหรือกฎที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปยังบุคคลดังต่อไปนี้
3.1 บุคคลภายนอกตามที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน
3.2 ผู้สอบบัญชีของบริษัท
3.3 ตัวแทน และผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อให้บุคคลดังกล่าวสามารถให้บริการแก่บริษัทได้ ทั้งนี้ เฉพาะบุคคลดังกล่าวที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เท่านั้น
3.4 หน่วยงานกำกับ หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เช่น กระทรวงการคลังกรมสรรพากร สานักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุคคลใด ๆ ก็ตามที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเท่าที่กฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือในกรณีเฉพาะอื่น ๆ เช่น เป็นไปตามคำสั่งศาล
3.5 บุคคลที่ร่วมงานกับบริษัทในการให้บริการแก่ท่าน
4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่บริษัทได้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้
4.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม (“Right to Withdraw of Consent”) ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้มอบให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจากัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์ แก่ท่านเอง
4.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (“Right to Access”) ท่านมีสิทธิขอทราบและขอรับสาเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ไม่ว่าโดยช่องทางใด รวมถึงสิทธิในการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัท ทั้งนี้ เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจขอให้ท่านทาการยืนยันตัวตนก่อนให้ข้อมูลที่มีการร้องขอ
4.3 สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (“Right to Rectification”) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทดาเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
4.4 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (“Right to Data Portability”) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านจากบริษัท ในกรณีที่บริษัทได้ทาให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือ ใช้งานได้โดยทั่วไปไม่ว่าจะผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ชนิดใดและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้ง (1) มีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น หากบริษัทสามารถปฏิบัติตามวิธีการตามที่ท่านกาหนดได้ (2) ขอรับข้อมูลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพหรือวิธีการทางเทคนิคไม่สามารถทาได้
4.5 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (“Right to Erasure” or “Right to be Forgotten”) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือ ทำลาย หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
-
ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไม่มีความจำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอีกต่อไป
-
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทำการถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่มีอานาจตามกฎหมายที่จะทำการประมวลผลต่อไปได้
-
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล คัดค้านการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์นอกจากรายละเอียดที่บริษัทกำหนดในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-
เมื่อเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอันมิชอบด้วยกฎหมาย
-
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล คัดค้านการประมวลผลข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุแห่งการอ้างการประมวลผลโดยประโยชน์ชอบธรรม
4.6 สิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (“Right to Restriction Processing”) ท่านมีสิทธิในการห้ามมิให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้
-
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่จำเป็นอีกต่อไป เว้นแต่การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลยังคงมีความจำเป็นเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
-
เมื่อเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอันมิชอบด้วยกฎหมาย แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต้องการห้ามมิให้มีการประมวลผลโดยแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน
-
เมื่ออยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ท่านร้องขอ
-
เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่าการกระทำตามที่ท่านร้องขอ
4.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (“Right to Object") ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน ในกรณีดังนี้
-
กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่ปรากฎในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
-
กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการกระทำอันจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจอันเป็นประโยชน์ของบริษัท
-
กรณีที่ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์อันได้แก่ ประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือ เหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เว้นแต่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
4.8 สิทธิที่จะร้องเรียน (“Right to Complain) ต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ หากท่านเห็นว่าสิทธิใดๆ ของท่านได้ถูกบริษัทกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามข้อ 4.1 ข้อ 4.4 ข้อ 4.5 ข้อ 4.6 และ ข้อ 4.7 ข้างต้น ท่านต้องยอมรับต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และท่านจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทได้ในกรณีดังกล่าว เว้นแต่การประมวลผล หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับท่าน คาร้องขอใช้สิทธิใด ๆ ข้างต้นนี้ อาจถูกจากัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาจมีบางกรณีที่บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอได้โดยชอบ เช่น บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล
การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอ โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ท่านขอให้บริษัท ลบ ทำลาย จำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการปฏิบัติตามข้อผูกพันในด้านนิติกรรมสัญญากับท่านได้
5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลหรือตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท คู่มือต่าง ๆ ในเรื่องการจัดเก็บ ทำลายเอกสารต่าง ๆ ของบริษัท เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้จัดเก็บไว้อย่างน้อย 10 ปี เป็นต้นและเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บแล้วบริษัทจะทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
6. มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีการจัดการที่เป็นรูปแบบเอกสาร (Hard Copy) รวมถึงด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคที่จะป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการเข้าถึงโดยมิได้รับอนุญาต เช่น
6.1 การกำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือการยืนยันตัวตน ผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ตามแนวนโยบายสารสนเทศของบริษัทอย่างเคร่งครัด
6.2 บริษัทมีการควบคุมและกลไกที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับ และกู้ข้อมูลกลับคืนในกรณีเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้น และมีการสอบทานและประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาข้อมูลส่วนบุคคลโดยฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ
6.3 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพ หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนการเยียวยาความเสียหายจากการถูกละเมิดหรือการรั่วไหลของข้อมูลในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัท จะไม่รับผิดชอบในกรณีความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่สาม หรือการละเลย หรือเพิกเฉยการออกจากระบบ (Log out) ฐานข้อมูล โดยการกระทำของท่านหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากท่าน
7. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขเป็นระยะๆ โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแสดงฉบับที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท www.duckgroup.co และ www.cirbox.co.th
8. วิธีการติดต่อบริษัท
หากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่สรรหาว่าจ้าง ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารสำนักงาน เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน และ/หรือ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ของเรา
ชื่อ นางสาว วันวิสาข์ คำผล
เบอร์โทร 02-821-6959 ต่อ 3
อีเมล [email protected]
ที่อยู่บริษัท บริษัท ดั๊ก กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด 11 ซอย รัตนาธิเบศร์ 3
ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี,
เลขที่ผู้เสียภาษี 0125-5550-1161-9